ธรรมะปรีดา #ศูนย์ปฏิบัติธรรมแก้วระนอง #ศูนย์ส่งเสริมศีลธรรมจังหวัดระนอง #ศูนย์กัลยาณมิตรแก้วระนอง #ธ.ธรรมะปรีดา#แก้วระนอง
2 Sep 2016
เรื่องเล่าเข้าสู่ทางธรรม
.............."เห็นของจริงเลยทิ้งของเล่น" น่าแปลกใจที่รุ่นพี่ๆ ที่เข้ามาบวช มาเข้าวัดปฏิบัติธรรมซึ่งผิดวิสัยของวัยรุ่นในยุคปัจจุบัน คอยสังเกตุ คอยตั้งข้อสงสัย และตั้งคำถามอีกมากมาย ที่วัยรุ่นคนหนึ่งตั้งคำถามต่อตนเอง รวมถึงคำถามต่างๆที่มีต่อ"วัดพระธรรมกาย"และเป็นคำถามที่ท้าทายต่อการพิสูตร
จึงได้ตัดสินใจเข้ามา ศึกษาค้นหาคำตอบ หาความจริง โดยเฉพาะ"สมาธิ" เมื่อยิ่งได้ฟังหลวงพ่อท่านสอนเห็นข้อวัตรปฏิบัติ ทราบถึงความตั้งใจ มโนปณิธานของหมู่คณะ ได้เรียนธรรมะ ความประจักแจ้งในทุกคำถามค่อยๆเปิดเผย ค่อยๆแง้มประตูใจที่ปิดสนิทจนเปิดใจรองรับ ได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง "วัดพระธรรมกาย"เป็นวัดใหญ่
เป็นโรงเรียนสอนศีลธรรมขนาดใหญ่ ที่ทำให้ตนเอง และผู้คนมากมาย มีพัฒนาการด้านจิตใจที่สูงส่งขึ้น รักในการทำทาน รักษาศีล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง"รักการเจริญสมาธิภาวนา" ดำเนินรอยตามพระบรมศาสดาทุกวันเวลาฝึกฝนอบรมตนเองในหลักพระธรรมวินัย จึงมีเป้าหมายชีวิตที่ตรง
และถูกต้องในการดำเนินชีวิต ตามอย่างพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดุจการดำเนินชีวิตที่ผ่านมาก่อนบวช ได้ดำเนินชีวิตเหมือนเด็กเล่นของเล่น เมื่อเทียบของจริงในทางธรรม ด้วยเหตุนี้จึงตั้งจิตเจตจำนงมุ่งตรงสร้างบารมี มีที่สุดแห่งธรรม(นิพพาน)เป็นเป้าหมาย ด้วยเหตุนี้จึงเคารพ
เทิดทูล กตัญญูต่อครูบาร์อาจารย์ หลวงพ่อ และ"รักวัดพระธรรมกาย"...
30 Aug 2016
ให้เราไม่สู้ ไม่หนี ทำดีเรื่อยไป...
..ถ้า"สู้"มีสองอย่างคือ "ไม่แพ้ก็ชนะ"
..ถ้า"หนี"มีอย่างเดียวคือ "แพ้"
..ถ้าไม่สู้ไม่หนีทำดีเรื่อยไป มีอย่างเดียว คือ "ชนะ"...
.......
25 Aug 2016
- "การยอมรับความจริง" มิได้หมายถึง "การยอมจำนนต่อสิ่งที่เกิดขึ้น" ที่จริงแล้วมันกลับช่วยให้เราสามารถรับมือกับเหตุร้ายได้ดีขึ้น คนที่ยอมรับความเจ็บป่วยได้ นอกจากใจจะทุกข์น้อยลงแล้ว ยังมีเวลาใคร่ครวญหาทางเยียวยารักษา สามารถใช้สติปัญญาอย่างเต็มที่
ไม่ถูกรบกวนด้วยอารมณ์ต่างๆ ผิดกับคนที่ไม่ยอมรับความจริง จะมัวแต่ตีโพยตีพาย คร่ำครวญ วิตกกังวล จนไม่เป็นอันทำอะไร สิ่งที่ควรทำจึงไม่ได้ทำ ปัญหาที่ควรแก้จึงไม่ได้แก้
- ความสุขนั้นมีอยู่รอบตัว แต่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น เพราะใจจดจ่อแต่ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ผลก็คือขณะที่ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง เรากลับละทิ้งความสุขที่มีอยู่รอบตัว ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิของเราโดยชอบธรรม กลายเป็นว่าเสียสองต่อ
- จะไม่ดีกว่าหรือ ขณะที่ยังไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง เราก็เปิดใจชื่นชมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่รอบตัวหรือตามรายทาง แม้ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง แต่เราก็ได้สัมผัสกับความสุขที่มีอยู่แล้วทุกขณะ
- การให้อภัยเป็นเรื่องยาก แต่การมีชีวิตด้วยจิตใจที่โกรธแค้นพยาบาท กลับเป็นเรื่องที่ยากลำบากกว่า
- ชีวิตของเรานั้นเหมือนกับเทียน เราไม่มีทางรู้หรอกว่า เทียนเล่มนี้จะไหม้จนหมดเชื้อ หรือว่าโดนลมพัดดับไปเสียก่อนทั้งๆ ที่ยังมีเชื้อและไขเทียนอยู่ แต่แม้จะเป็นอย่างหลังก็ไม่สำคัญเท่ากับว่าขณะที่ยังมีเปลวไฟอยู่นั้น เขาให้ความสว่างไสวแค่ไหน
- คนที่ภาคภูมิใจในทรวดทรงของตน ไม่ช้าไม่นานก็ต้องระทมทุกข์เพราะสิ่งเดียวกัน ถึงวันนั้นทรวดทรงอาจแปรเปลี่ยนไป หาไม่มันก็กลายเป็นบ่อเกิดของโรคร้ายขึ้นมา
- เมื่อเราถูกวิพากษ์วิจารณ์ ใจเรามักจะพุ่งตรงไปยังคนวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่ค่อยสนใจคำวิพากษ์วิจารณ์เท่าใดนัก ดังนั้น แม้ว่าคำวิพากษ์วิจารณ์จะถูกต้อง ให้แง่คิดที่ดีเพียงใดก็ตาม แต่เราไม่สนใจที่จะไตร่ตรองเสียแล้ว เพราะใจนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดและโกรธคนที่วิพากษ์วิจารณ์เรา
- สุขกับทุกข์เป็นสองด้านของเหรียญเดียวกัน มันสามารถพลิกกลับไปกลับมาได้ ด้วยเหตุนี้เวลาจะมีความสุขกับอะไรหรือใครก็ตาม อย่าเพลินกับความสุขจนท่วมท้นใจ หรือหมดเนื้อหมดตัวไปกับอารมณ์เหล่านั้น ควรเผื่อใจไว้รับมือกับความผันผวนปรวนแปรที่ไม่ถูกใจเรา
วันนี้ทุกอย่างเป็นไปตามใจหวัง แต่พรุ่งนี้อาจกลายเป็นตรงกันข้าม
- อะไรล่ะที่ทำให้เรายอมรับความจริงได้ยาก ส่วนหนึ่งก็เพราะเราหวนคิดถึงอดีตที่สวยงาม เมื่อเราต้องสูญเสียอะไรสักอย่าง หรือประสบกับเหตุร้าย เราจะรู้สึกแย่ทันทีเมื่อหวนนึกถึงตอนที่เรายังมีสิ่งนั้น หรือยังสุขสบายดี ความอาลัย ความเสียดาย จะทำให้เราไม่สามารถยอมรับความจริงที่เป็นอยู่ตอนนี้ได้
- "เป็นอะไร" ไม่สำคัญเท่า "เป็นอย่างไร" ถึงจะเป็นคนสวนหรือเสมียนก็อาจจะมีความสุขกว่าผู้จัดการ หากทำงานด้วยใจรักหรือมีฉันทะ และเห็นคุณค่าของงานนั้น ไม่ใช่ทำด้วยตัณหาหรือมีกิเลสเป็นตัวผลักดัน
- รู้ว่าอะไรเป็นประโยชน์แก่ชีวิตตน ก็ควรรีบลงมือทำ ปฏิกจฺเจว กยิรา ยํ ชญฺญา หตมตฺตโน
- "ความทุกข์" และ "ความสุข" ของชีวิต หาได้อยู่ถัดกันดั่งกลางคืนและกลางวันไม่ แท้ที่จริงความทุกข์และความสุขอยู่เคียงคู่กัน ในยามทุกข์ ความสุขก็อยู่รอบตัวเราอยู่แล้ว ใช่ว่าจะตามมาภายหลังก็หาไม่ เป็นแต่ว่าเราไปฉวยเอาเรื่องร้ายมาครองใจ ความสุขจึงแทรกเข้ามาไม่ได้ แต่หากเราวางเรื่องร้ายนั้นเสีย หรือน้อมเอาสิ่งดีงามมาใส่ใจ ความสุขก็จะบังเกิดขึ้นทันที
- แม้กระทั่งในค่ายนรกนาซี ความสุขก็อยู่ไม่ไกลหากรู้จักหา หญิงผู้หนึ่งอยู่ใกล้ความตายทุกขณะ แต่ในยามนั้นเธอหาได้ทุรนทุรายไม่ สิ่งเดียวที่ให้ความหวังและกำลังใจแก่เธอก็คือ ต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งมีดอกตูมอยู่สองดอกใกล้หน้าต่าง เธอชอบคุยกับต้นไม้ต้นนั้น และต้นไม้ก็บอกเธอว่า
"ฉันอยู่นี่ ฉันอยู่นี่ ฉันคือชีวิตนิรันดร์"
- อยู่กับปัจจุบันให้ดีที่สุด คือ เคล็ดลับสำคัญในการเอาชนะปัญหาและอุปสรรคทั้งปวง เพราะวันนี้เป็นวันเดียวเท่านั้นที่เราสามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้ ไม่ใช่เมื่อวานหรือวันพรุ่งนี้ แต่จะว่าไปแล้ว ช่วงเวลาเดียวเท่านั้นที่เราสามารถทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้
คือ วินาทีนี้หรือขณะนี้เท่านั้น เพราะแม้แต่วินาทีหน้า นาทีหน้า หรือชั่วโมงหน้า ก็ยังเป็นอนาคตอยู่ ไม่อยู่ในวิสัยที่เราจะทำอะไรได้
- "แข่งขันกับงาน ไม่ใช่แข่งขันกับคนอื่น" เวลาทำงานก็เช่นกัน ถ้าเรามองว่านี้เป็นการต่อสู้ปลุกปล้ำกับงาน เราจะไม่เดือดร้อนที่คนอื่นทำได้ดีกว่าเรา ใครจะดีจะเก่งก็เป็นเรื่องของเขา เพราะในใจนั้นนึกอยู่เสมอว่า "ฉันกำลังแข่งขันกับงาน
ไม่ใช่แข่งขันกับคนอื่น" นอกจากจะไม่อิจฉาเขาแล้ว ยังพยายามเรียนรู้จากเขาว่ามีวิธีการอย่างไร เพื่อเอาไปใช้ในการพิชิตงานที่กำลังทำอยู่ หรือทำให้งานนั้นดีขึ้น
- "สบายแต่ไร้สุข" ในโลกนี้มีอะไรต่ออะไรอีกมากมายที่ไม่สามารถบัญชาให้เป็นไปตามใจเราได้ แม้จะมีเงินมากมายก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่คนกรุงเทพฯ เป็นทุกข์กันมากเพียงเพราะรถติด ทั้งๆ ที่อยู่ในรถที่แสนเย็นสบาย แต่ถ้ารู้จักปรับตัวปรับใจเสียแล้ว
ก็จะเป็นสุขได้ง่ายขึ้น ร้อนนักก็ไม่เป็นไร หนาวนักก็ไม่เดือดร้อน รถติดก็รู้จักรอ คนที่จะทำใจแบบนี้ได้เก่ง ใช่หรือไม่ว่า ชีวิตของเขาต้องไม่สะดวกสบายมากเกินไป
- "เปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตร" ถึงที่สุดแล้ว แม้แต่คนที่คิดร้ายต่อเรา เขาก็ไม่ได้เป็นศัตรูของเรา ความโกรธเกลียดหรือความเห็นแก่ตัวในใจเขาต่างหากที่เป็นศัตรูของเรา สิ่งที่เราควรจัดการคือความชั่วร้ายในใจของเขา มิใช่จัดการตัวเขา ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เราจะปลอดภัยและมีชีวิตที่สงบสุขอย่างแท้จริง
เพราะการขจัดศัตรูที่ดีที่สุดคือเปลี่ยนเขามาเป็นมิตร แล้วอะไรล่ะที่จะเปลี่ยนศัตรูมาเป็นมิตรได้ หากมิใช่การใช้ความดีชนะใจเขา
- "คู่แข่ง" คนไม่ใช่คู่แข่งของเรา กิเลสตัณหา ความเห็นแก่ตัว หรือความหลงตนต่างหากที่เป็นคู่แข่งของเรา แทนที่จะสู้กับใครต่อใคร เราควรหันมาสู้กับอกุศลธรรมในตัวเราดีกว่า ที่แล้วมาเราต่อสู้กับใครต่อใครมากแล้ว แต่ไม่ได้ต่อสู้กับอกุศลธรรมเหล่านี้
เราจึงทุกข์ไม่เว้นแต่ละวัน
- "การทำงาน" สามารถเป็น "การปฏิบัติธรรม" ได้ตลอดเวลา หากเราทำด้วยแรงจูงใจที่เป็นกุศล เช่น ทำเพื่อเกื้อกูลผู้อื่น หรือเพื่อฝึกพัฒนาตน โดยมุ่งให้มีความเห็นแก่ตัวน้อยลง อดทนมากขึ้น หรือทำโดยมีธรรมะเข้ามากำกับ เช่น ทำด้วยความซื่อสัตย์
รับผิดชอบต่อหน้าที่
- พุทธศาสนาที่แท้จริงนั้น มิได้อยู่ที่วัดวาอารามหรือพระสงฆ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่จิตใจของผู้คน ใจที่เป็นกุศล เปี่ยมด้วยเมตตา โอบอ้อมอารีต่อกัน ไม่ถูกครอบงำด้วยโลภะ โทสะ และโมหะ คือ ที่สถิตของพุทธศาสนาที่แท้ต่างหาก
- ศีลไม่ได้อยู่ที่พระ ธรรมะไม่ได้อยู่ที่วัด เงินไม่ได้อยู่ที่เศรษฐี แต่ศีลอยู่ที่กายใจของเรา ธรรมะอยู่ที่สติ และเงินอยู่ทุกที่ที่มีความขยัน
- โลกเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับว่า เราใส่แว่นตาสีอะไรมองโลก หากมองโลกดี ชีวิตจะมีแต่สิ่งรื่นรมย์ หากมองโลกร้าย ชีวิตจะมีแต่วุ่นวายและทุกข์ระทม
- จงดึงเอาความรู้สึกผิดที่เรามี มาเป็นแรงบันดาลใจให้ทำดียิ่งๆ ขึ้น อย่าจมอยู่กับอดีต มีแต่การสร้างตัวเองใหม่เท่านั้นที่จะหลุดพ้นจากความรู้สึกผิด
- ความสุขไม่ได้ขึ้นอยู่กับความมี แต่อยู่ที่เราค้นพบว่า อะไรคือแก่นแท้ของชีวิต แล้วอยู่กับสิ่งนั้นด้วยความรัก คนนั้นก็คือคนมีความสุข
- ยามใดที่ชีวิตพบกับความทุกข์ หากไม่มัวแต่เป็นทุกข์ ทว่าเรียนรู้ที่จะมองดูความทุกข์อย่างมีสติ อย่างแยบคาย อย่างเป็นผู้ดู ไม่ได้เป็นผู้เป็น ความทุกข์ก็จะทอประกายแห่งความสุขออกมาให้เห็น
- ในเมื่อไม่มีสิ่งที่เราชอบ เราก็ควรชอบสิ่งที่เรามี เพราะในโลกนี้ไม่มีใครได้ทุกสิ่งอย่างใจหวัง และจะไม่มีใครพลาดหวังทุกอย่างไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เราจะทำ มีแง่ดีแง่งามอยู่เสมอ ขอให้เรามองให้เห็น ถ้ามองเห็น เราก็จะเป็นสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
- ในโลกแห่งความเป็นจริง คนทุกคนก็เป็นครูได้ คนเก่ง ไม่เก่ง ฉลาดรู้หนังสือ ไม่รู้หนังสือ ยากดีมีจน สัตว์ ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม เหตุการณ์ ดิน ฟ้า อากาศ ความผิดหวัง ความสมหวัง ความรัก ความชัง ฯลฯ เหล่านี้ คือ ครูในมหาวิทยาลัยชีวิต ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้
ศึกษากันไปอย่างไม่มีวันจบ
- อย่าแบกอะไรที่เกินกำลังของตัวเอง เพราะไม่เพียงแต่ มันจะทำให้เราเป็นทุกข์ แต่บางทีอาจมีผลต่อการยืนตรงๆ อย่างยาวนานของเราด้วย
- เรื่องบางเรื่องไม่ใช่เรื่องที่ควรทุกข์ แต่พอเราไม่ยอมปล่อยวาง ทุกข์ก็รุกคืบเข้ามา เรื่องบางเรื่องใครต่อใครก็เห็นอยู่ว่า ทุกข์หนักหนาสาหัส แต่สำหรับคนที่ปล่อยวางเป็น ก็เป็นสุข คือ ความสุขหรือความทุกข์ บางครั้งอยู่ที่ "ท่าที" ในการเผชิญของเราเป็นสำคัญ
ถ้า "รู้เท่าทัน" สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีสติ ทุกข์อาจกลายเป็นสุข, ปัญหาอาจกลายเป็นปัญญา, วิกฤติอาจถูกแปรเป็นโอกาส
- ความล้มเหลวเป็นส่วนผสมของชีวิตซึ่งขาดไม่ได้ คนที่ไม่เคยล้มเหลวคือคนที่ไม่เคยทำอะไร ด้วยข้อเท็จจริงเช่นนี้ คนที่กำลังคิดการใหญ่ทุกคนจึงมองความล้มเหลวด้วยสายตาที่เป็นบวก เพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่า ความล้มเหลวเป็นฝาแฝดกับความสำเร็จ
2 Aug 2016
พุทธศาสนา ที่แท้จริงนั้น มิได้อยู่ที่วัดวาอารามหรือพระสงฆ์แต่เพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่จิตใจของผู้คน ใจที่เป็นกุศล เปี่ยมด้วยเมตตา โอบอ้อมอารีต่อกัน ไม่ถูกครอบงำด้วยโลภะ โทสะ และโมหะ คือ ที่สถิตของพุทธศาสนาที่แท้ต่างหาก
25 Oct 2020
9 Jul 2016
•ความสุข นั้นมีอยู่รอบตัว แต่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น เพราะใจจดจ่อแต่ความสำเร็จที่รออยู่ข้างหน้า ผลก็คือขณะที่ความสุขข้างหน้ายังมาไม่ถึง เรากลับละทิ้งความสุขที่มีอยู่รอบตัว ทั้งๆ ที่เป็นสิทธิของเราโดยชอบธรรม กลายเป็นว่าเสียกับเสีย คือเสียเวลา อารมณ์ และความสุข
25 Oct 2020
7 Jun 2016
•พระพ่อฝากไว้
- สิ่งที่ไม่ดีอย่าไปทำกันนะ อย่าไปนึกว่าเราทำบุญเยอะแยะแล้ว เดี๋ยวบุญนี้จะช่วย บุญน่ะช่วย แต่บาปก็ต้องไม่ทำ ไม่อย่างนั้นบุญกับบาปมันก็ต้องสู้กันอยู่ แทนที่เราทำบุญร้อยจะได้ใช้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าไปดำเนินชีวิตด้วยความประมาท
ก็ต้องแบ่งเอาบุญนี้ไปตัดรอนวิบากกรรมอีกทำร้อยก็เหลือนิดเดียวมันก็ไม่คุ้มกันแล้วแถมมีวิบากติดตัวไปอีก เพราะฉะนั้นวันเวลาที่เหลืออยู่นี้ ให้หมั่นสั่งสมบุญบารมีให้เต็มที่ ความตายไม่มีนิมิตหมาย จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นให้มุ่งมั่นสร้างบารมีกันให้เต็มที่
...............
พระเทพญานมหามุนี
พิธีบูชาข้าวพระ 5ส.ค.55