โครงการ"ร่มเย็น"(จัดทอดผ้าป่าและจัดทำร่ม น้อมถวายพระภิกษุทุกวัดในจังหวัดระนอง) #ศูนย์กัลยาณมิตรแก้วระนอง #ศูนย์ส่งเสริมศีลธรรม
พิธีทอดผ้าป่ากองทุน"ร่มเย็น"
.......
บรรยากาศระนอง ช่วงนี้ฝนตกตลอด "ร่ม" เป็นสิ่งจำเป็น สำหรับพระภิกษุในการบิณฑบาต ศาสนะกิจ
.....
12สิงหาคม 2559
วันแม่ปีนี้ ผ้าป่ากองทุนร่ม เพื่อจัดทำร่มน้อมถวายพระภิกษุกัน...
ได้รับความเมตตาพระครูสุนทรปริยัติคุณ เจ้าคณะอำเภอกระเปอร์ เจ้าอาวาสวัดวารีบรรพต เป็นประธานสงฆ์ มีคุณวิรัช โกยศิริพงศ์ เป็นประธานทอดผ้าป่า กิจกรรมในวันแม่แห่งชาติ น้อมถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องวันแม่ สะสมบุญกุศลทำดีเพื่อแม่
"การทำบุญด้วยร่ม"ย่อมมีอานิสงส์ ๘ ประการ
.......
คือ
๑.ไม่รู้สึกหนาว
๒.ไม่รู้สึกร้อน
๓.ละอองและธุลีไม่แปดเปื้อน
๔.เป็นผู้ไม่มีอันตราย
๕.ไม่มีจัญไร
๖.มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ
๗.มีผิวพรรณละเอียด
๘.เป็นผู้มีใจกว้างขวาง และเมื่ออุบัติเป็นเทวดา ฉัตรหนึ่งแสนคันอันประกอบด้วยเครื่องประดับทุกอย่าง ย่อมทรงไว้เหนือศีรษะของผู้ทำบุญด้วยร่ม
.......
เรื่องนี้มาในคัมภีร์อปทาน ตอน ปิลินทวัจฉเถราปทาน
•เรื่องราวอานิสงส์ถวาย"ร่ม"
:พระครูสังฆรักษ์ปรีดา ธีรกุโล(จันทร์ธีระกุล)
....
สุภัททเถราปทาน ความว่า...
"ผู้ใดเอาร่มกฤษณาและมะลิซ้อน บังร่มให้เราในกาลที่สุด เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว บุคคลผู้นี้ เคลื่อนจากโลกนี้แล้ว จักไปสู่หมู่เทวดาชั้นดุสิต เขาได้เสวยรัชสมบัติในชั้นดุสิตนั้นแล้ว จักไปสู่ชั้นนิมมานรดี เขาถวายดอกมะลิซ้อน อันประเสริฐสุด ด้วยอุบายนี้แล้ว จักปรารภกรรมของตนเสวยสมบัติ บุคคลผู้นี้จักบังเกิดในชั้นดุสิตนั้นอีก เคลื่อนจากชั้นนั้นแล้ว จักไปสู่ความเป็นมนุษย์"ผลานิสงส์แห่งการบูชาพระรัตนตรัยนั้น มีอานิสงส์ไม่มีประมาณ ผู้มีศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยม สร้าง
* เมื่อครั้งที่ท่านยังสร้างบารมีอยู่นั้น ท่านเป็นสัมมาทิฏฐิ เชื่อเรื่องกรรมและผลของกรรม ได้สร้างบุญในพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ ตามวาระโอกาสในภพชาตินั้นๆ แต่ท่านยังไม่มีโอกาสที่จะสร้างบุญพิเศษอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยเท่าใดนัก ครั้นสั่งสมบุญแล้วก็ตั้งจิตอธิษฐาน มุ่งตรงต่อหนทางพระนิพพาน ไม่ได้ทำตัวให้เปล่าประโยชน์อย่างโมฆบุรุษ ที่ดูเบาละเลยในเรื่องการสร้างบารมีในภพชาตินั้นๆ เลย ท่านสั่งสมบุญมาเรื่อยๆ จนเป็นนิสัยที่รักในการสั่งสมบุญข้ามภพข้ามชาติ
จนกระทั่งมาถึงในสมัยของพระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า ปทุมุตตระ ในภพชาตินี้ ผลแห่งบุญเก่าที่ท่านได้สั่งสมมา ส่งผลให้ท่านลงมาเกิดในเรือนที่มีชื่อเสียงและฐานะดีในยุคนั้น กล่าวได้ว่า ท่านเกิดมาอย่างผู้มีบุญท่ามกลางความสมบูรณ์พร้อมทั้งทางรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติที่ผู้มีบุญจะพึงได้ ตัวของกุลบุตรนี้ก็เป็นผู้ที่พร้อมด้วยศรัทธา มีความเลื่อมใสในพระผู้มีพระภาคเจ้ายิ่งนัก
เมื่อบรรลุนิติภาวะแล้ว ทางบิดามารดาและญาติพี่น้องก็ตบแต่งให้มีเหย้าเรือนตามประเพณีของชาวโลกทั้งหลาย แม้จะอยู่ครองเรือนมีหน้าที่การงานที่ต้องรับผิดชอบ แต่ก็ไม่เคยว่างเว้นจากการสร้างบุญเลย ความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย ไม่เคยลดน้อยถอยลงไปแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสที่จะสร้างบุญพิเศษ ที่ควรค่าแก่การจดจำเท่าใดนัก จนกระทั่งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประกาศพระศาสนาไปทั่วชมพูทวีป ยังสัตวโลกทั้งหลายให้มีดวงตาเห็นธรรม มาถึงยุคปลายแห่งพระชนม์ชีพ พระพุทธองค์จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน
ในวันสุดท้ายก่อนจะเสด็จดับขันธปรินิพพานนั้น ได้มีพระสาวกทั้งที่เป็นคฤหัสถ์และทั้งที่เป็นบรรพชิต ต่างก็มาประชุมกันมากมาย กุลบุตรนี้มองเห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงบรรทมบนพระแท่นเป็นที่ปรินิพพาน และเห็นเทวดาในหมื่นจักรวาลมาประชุมกัน ก็บังเกิดความอัศจรรย์ใจในพุทธานุภาพ จึงเข้าไปใกล้ ได้น้อมบูชาพระผู้มีพระภาคด้วยดอกไม้มีกลิ่นหอม มีดอกคนทิสอ ดอกลำเจียก และดอกอโศกเขียวและขาวเป็นต้น พร้อมกับก้มลงถวายบังคมด้วยความเลื่อมใสอันไม่มีประมาณ ได้มองเห็นพระวรกายอันผุดผ่อง สว่างไสวด้วยฉัพพรรณรังสี ท่ามกลางดอกไม้หอมที่ตนเองมอบถวาย ก็ยิ่งเกิดมหาปีติรำพึงอยู่ในใจว่า นับว่าเป็นบุญลาภอย่างไม่มีที่เปรียบ ที่เราได้สร้างบุญกับพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงทราบความดำริของกุลบุตรผู้มีบุญท่านนี้ ขณะบรรทมอยู่นั่นเอง ทรงปรารถนาที่จะให้กุลบุตรนั้น บังเกิดมหาปีติยิ่งๆ ขึ้นไป จึงได้ตรัสชื่นชมอนุโมทนาและพยากรณ์ว่า "ดูก่อนพุทธบริษัททั้งหลาย ผู้ใดเอาร่มกฤษณาและมะลิซ้อน บังร่มให้เราในกาลที่สุด เราจักพยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว บุคคลผู้นี้ได้สร้างบุญใหญ่อย่างไม่มีประมาณ เคลื่อนจากโลกนี้แล้ว จักไปสู่หมู่เทวดาชั้นดุสิต เขาจักได้เสวยมหาสมบัติอันเป็นทิพย์ในชั้นดุสิตนั้น ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน หมดอายุของชาว สวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว จักไปสู่สวรรค์ชั้นนิมมานรดี เขาถวายดอกมะลิซ้อนอันประเสริฐสุดด้วยอุบายนี้แล้ว มองเห็นมหาสมบัติทิพย์ ก็บังเกิดมหาปีติ มองเห็นกรรมที่ตนเองได้กระทำ จักปรารภกรรมของตนเสวยสมบัติ ผู้นี้จักกลับมาบังเกิดในชั้นดุสิตนั้นอีก
เสวยสมบัติทิพย์อยู่อย่างนั้น แล้วจักเคลื่อนจากชั้นนั้นไปสู่ความเป็นมนุษย์ ในสมัยของพระสมณโคดมพระมหานาถศากยบุตรผู้เลิศในโลกพร้อมทั้งเทวโลก ผู้มีพระจักษุทรงยังสัตว์ให้ตรัสรู้เป็นอันมากแล้ว จักเสด็จนิพพานในกาลนั้น กุลบุตรนี้อันกุศลกรรมตักเตือนแล้ว จักเข้าไปเฝ้าพระสมณโคดมในวันเป็นที่ปรินิพพาน เหมือนการเข้ามาเฝ้าเราในวันนี้ ครั้นเข้าไปเฝ้าพระสัมพุทธเจ้าแล้ว จักทูลถามปัญหา ในกาลนั้น พระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ทรงให้ร่าเริง ทรงทราบบุพกรรม จักทรงเปิดเผยสัจจะทั้งหลาย
เขายินดีว่า ปัญหานี้พระบรมศาสดาทรงปรารภแก้แล้ว มีใจชื่นชม ถวายบังคมพระบรมศาสดาแล้ว จักทูลขอบวช พระพุทธเจ้าพระองค์นั้นทรงฉลาดในธรรมอันเลิศ ทรงเห็นว่าเขามีบารมีเต็มเปี่ยม เหมาะสมที่จะบรรลุธรรมได้ ทั้งมีใจเลื่อมใสอย่างเต็มเปี่ยม ยินดีด้วยกรรมของตน จักทรงให้บวช บุคคลผู้นี้หลังบวชไม่นาน ตั้งใจปฏิบัติธรรม ก็จักกำหนดรู้อาสวะทั้งปวงได้ แล้วจักเข้าถึงนิพพานในศาสนาของพระสมณโคดมพุทธเจ้า"
กุลบุตรผู้มีศรัทธาท่านนี้ พอได้ฟังพุทธพยากรณ์อย่างนั้น มหาปีติก็แผ่ขยายไปทั่วสรรพางค์กาย ภาพแห่งการสร้างบุญและคำพยากรณ์ในครั้งนั้น ได้ประทับอยู่ในความทรงจำตลอดชีวิต ด้วยบุญกรรมนั้น ท่านดำรงอยู่จนสิ้นอายุขัย ละจากอัตภาพนั้นแล้วก็ไปเสวยทิพยสมบัติในภพชั้นดุสิต และนิมมานรดีดังคำพยากรณ์ จากนั้นเสวยมนุษยสมบัติในหมู่มนุษย์ เวลาที่ลงมาเกิดไม่ว่าจะย่างก้าวไปที่ใด ก็เป็นผู้ที่เขาบูชาด้วยดอกไม้ทั้งหลาย ในที่ๆ ตนเกิดแล้ว
จนกระทั่งมาถึงพุทธุปบาทกาลนี้ ท่านบังเกิดในตระกูลที่สมบูรณ์ด้วยสมบัติตระกูลหนึ่ง ถึงแม้ท่านจะเห็นโทษในกามทั้งหลาย ก็ไม่สามารถออกบวชได้ จนกระทั่งวันเสด็จดับขันธปรินิพพานของพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา จึงมีโอกาสได้เข้าเฝ้าแล้วทูลถามปัญหาพระบรมศาสดา พระองค์ทรงตอบปัญหาให้กระจ่าง และทรงประทานการบรรพชาอุปสมบทให้เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธองค์ ท่านได้บำเพ็ญเพียรไม่นานก็ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ จริงดังพุทธพยากรณ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระทุกประการ
เราจะเห็นว่า ในชีวิตการสร้างบารมีของนักสร้างบารมีนั้น ต่างก็มีชีวประวัติการสร้างความดีกับเนื้อนาบุญทั้งสิ้น ท่านจะได้โอกาสทำบุญกับเนื้อนาบุญ และผลแห่งการบูชาเนื้อนาบุญนั้นก็มีมหานิสงส์อันยิ่งใหญ่ไพศาลบังเกิดเป็นผลอย่างน่าอัศจรรย์ เหมือนชีวิตของพระสุภัททเถรเจ้านี้เป็นตัวอย่างที่พวกเราควรนำไปปฏิบัติตาม ยิ่งถ้าเราบูชาทั้งอามิสบูชาและปฏิบัติบูชาด้วยแล้ว มหานิสงส์นั้นก็จะยิ่งทับทวีคูณไม่มีประมาณ ดังนั้น ให้ตั้งใจมั่นทีเดียวว่า เราจะเอาบุญทั้งสองอย่างนี้ ให้เต็มที่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์
พิธีถวายร่ม โดยพระครูสังฆรักษ์ปรีดา ธีรกุโล(จันทร์ธีระกุล)ได้ทำอย่างต่อเนื่อง ประจำปี อนุโมทนากับคณะเจ้าภาพทุกท่าน...
อานิสงส์ถวายทาน แต่ละอย่าง
ทาน คือหมายถึงเป็นเรื่องของพระปิลินทวัจฉะ ท่านเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงยกย่องพระปิลินทวัจฉะว่า เป็นผู้เลิศกว่าพระภิกษุทั้งหลายในทางเป็นที่รักแห่งเทวดา คือเทวดาจะรักท่านมากด้วยความดีที่ท่านได้สร้างมาทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ เมื่อท่านบรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านได้ระลึกชาติในอดีตกาลของท่านว่า
ในอดีตกาลผ่านมาแล้วแสนกัป ครั้งนั้นได้มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งอุบัติตรัสรู้เผยแผ่พระพุทธศาสนาอยู่ในโลก ทรงพระนามว่า พระปทุมุตตรสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศพระศาสนาตั้งหลักมั่นอยู่ที่พระนครหังสวดี พระปิลินทวัจฉะเกิดเป็นผู้มีทรัพย์ได้ถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุขด้วยสิ่งของมากมายหลายอย่าง อานิสงส์แห่งการถวายทานด้วยสิ่งของต่างๆ ย่อมให้ผลต่างๆ แก่ท่านซึ่งท่านได้บรรยายไว้ละเอียด จะได้นำมากล่าวเพื่อเพิ่มพูนศรัทธาปสาทะแก่ท่านสาธุชนทั้งหลายดังต่อไปนี้
การทำบุญด้วยร่มย่อมมีอานิสงส์ ๘ ประการคือ ๑.ไม่รู้สึกหนาว ๒.ไม่รู้สึกร้อน ๓.ละอองและธุลีไม่แปดเปื้อน ๔.เป็นผู้ไม่มีอันตราย ๕.ไม่มีจัญไร ๖.มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ ๗.มีผิวพรรณละเอียด ๘.เป็นผู้มีใจกว้างขวาง และเมื่ออุบัติเป็นเทวดา ฉัตรหนึ่งแสนคันอันประกอบด้วยเครื่องประดับทุกอย่าง ย่อมทรงไว้เหนือศีรษะของผู้ทำบุญด้วยร่ม
การทำบุญด้วยผ้าย่อมมีอานิสงส์ ๘ ประการคือ ๑.เป็นผู้มีผิวพรรณเปล่งปลั่งดังทองคำ ๒.ปราศจากธุลี ๓.มีรัศมีผ่องใส ๔.มีเดช ๕.เนื้อตัวผิวพรรณละเอียดอ่อน ๖.เมื่อท่องเที่ยวอยู่ในภพย่อมมีผ้าขาวแสนผืน ๗.ผ้าเหลืองแสนผืน ๘.ผ้าแดงแสนผืน ทรงอยู่เหนือศีรษะ เธอย่อมได้ผ้าไหมผ้าป่าน ผ้ากัมพล ผ้าฝ้ายในที่ทุกแห่ง นี่เป็นอานิสงส์แห่งการถวายผ้าเป็นทาน
การถวายบาตรพระย่อมมีอานิสงส์ ๑๐ ประการคือ ๑.ย่อมได้บริโภคโภชนาหารในภาชนะทองคำ ภาชนะแก้วมณี ภาชนะเงิน และภาชนะที่ทำด้วยทับทิมในกาลทั้งปวง ๒.เป็นผู้ไม่มีอันตราย ๓.ไม่มีจัญไร ๔.มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ ๕.เป็นผู้ได้ข้าว น้ำ ผ้า และที่นอนเป็นปกติ ๖.โภคสมบัติไม่พินาศ ๗.เป็นผู้มีจิตมั่นคง ๘.เป็นผู้ใคร่ธรรมทุกเมื่อ ๙.เป็นผู้ไม่มีกิเลส ๑๐.ไม่มีอาสวะ
การถวายมีดโกนย่อมมีอานิสงส์ ๘ ประการคือ ๑.เป็นผู้กล้า ๒.ไม่มีความเดือดร้อน ๓.ถึงที่สุดในเวสารัชธรรม (ธรรมที่ทำให้เป็นผู้แกล้วกล้าในหมู่ชน) ๔.เป็นผู้มีธิติ (ความหนักแน่นอดทน) ๕.มีความเพียร ๖.มีใจอันประคองไว้ด้วยสติทุกเมื่อ ๗.ย่อมได้ญาณอันสุขุมเครื่องตัดกิเลส ๘.มีความบริสุทธิ์อันมิอาจชั่งตวงวัดได้
การถวายมีดพร้าย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.ย่อมได้ความเพียรเป็นที่พึ่งพิงได้ ๒.มีขันติความอดทน ๓.เป็นผู้มีจิตไมตรี ๔.มีปัญญาคมกล้า ๕.มีญาณสุกสว่างเสมอด้วยแก้ววิเชียร
การถวายเข็มเย็บผ้าย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.เมื่อท่องเที่ยวอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ย่อมเป็นผู้อันมหาชนนอบน้อม ๒.ตัดความสงสัยได้ ๓.มีรูปงาม ๔.มีโภคสมบัติ ๕.มีปัญญากล้าสามารถพิจารณาเห็นอรรถอันเป็นฐานะอันละเอียดลึกซึ้งด้วยญาณอันคมกล้า
การถวายมีดตัดเล็บย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.ย่อมได้ทาสชายหญิง ๒.ได้วัวและม้า ๓.ได้คนฟ้อนรำ ๔.ได้ช่างตัดผม ๕.ได้พ่อครัวทำอาหารเป็นอันมากในที่ทั้งปวง
การถวายพัดใบตาลย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.ไม่รู้สึกหนาว ๒.ไม่รู้สึกร้อน ๓.ไร้ความอบอ้าว ๔.ไร้ความกระวนกระวาย ๕.ไร้ความเดือดร้อนใจ
การถวายธมกรก (เครื่องกรองน้ำ) ย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.ย่อมก้าวล่วงอันตรายทั้งปวง ๒.ย่อมได้อายุอันเป็นทิพย์ ๓.เป็นผู้อันโจรหรือข้าศึกไม่ข่มขี่ในกาลทุกเมื่อ ๔.อาวุธและยาพิษย่อมไม่เบียดเบียน ๕.ไม่ตายก่อนวัยอันควร
การถวายภาชนะน้ำมันย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.เป็นผู้มีรูปสวยงาม ๒.มีความเจริญ ๓.มีใจเบิกบาน ๔.ไม่ฟุ้งซ่าน ๕.มีผู้อารักขา
การถวายกล่องเข็มย่อมมีอานิสงส์ ๓ ประการคือ ๑.มีความสุขใจ ๒.มีความสุขกาย ๓.มีความสุขอันเกิดแต่อิริยาบถ
การถวายผ้าอังสะย่อมมีอานิสงส์ ๓ ประการคือ ๑.ย่อมได้ความหนักในพระสัทธรรม ๒.ย่อมระลึกชาติที่แล้วมาได้ ๓.มีผิวพรรณอันงาม
การถวายประคดเอวย่อมมีอานิสงส์ ๖ ประการคือ ๑.ย่อมไม่หวั่นไหวในสมาธิ ๒.มีความชำนาญในสมาธิ ๓.มีบริษัทไม่แตกกัน ๔.มีถ้อยคำอันมหาชนเชื่อถือทุกเมื่อ ๕.มีสติตั้งมั่น ๖.ย่อมไม่มีความสะดุ้งกลัว
การถวายเชิงรองบาตร ย่อมมีอานิสงส์ ๓ ประการคือ ๑.ไม่มีภัย ๒.ไม่หวั่นไหวด้วยอะไรอะไร ๓.ธรรมเหล่าใดที่ได้ฟังแล้วย่อมทรงไว้ได้ไม่เสื่อมไป
การถวายภาชนะและเครื่องบริโภคย่อมมีอานิสงส์ ๔ ประการคือ ๑.ย่อมได้ภาชนะแก้วมณี ภาชนะแก้วผลึก และภาชนะแก้วทับทิม ๒.ภริยา ทาสชายหญิง พลช้างพลม้า พลรถ พลเดินเท้า และสตรีรับใช้ย่อมยำเกรงผู้นั้น ๓.ได้เครื่องบริโภคทุกเวลา ๔.ย่อมสามารถใคร่ครวญวิชาในบทมนต์อาคมต่างๆ ศิลปะทั้งปวง นำมาใช้ได้ทุกเวลา
การถวายขันย่อมมีอานิสงส์ ๓ ประการคือ ๑.ย่อมได้ขันทองคำ ขันแก้วมณี ขันแก้วผลึก ขันแก้วทับทิม ๒.น้ำที่ดื่มย่อมมีรสชาติหวาน ๓.มีข้อปฏิบัติในวัตรอันงามในอาจาระ และกิริยามารยาท
การถวายเภสัช ย่อมมีอานิสงส์ ๑๐ ประการคือ ๑.มีอายุยืน ๒.มีกำลัง ๓.มีปัญญา ๔.มีวรรณะ ๕.มียศ ๖.มีสุข ๗.ไม่มีอันตราย ๘.ไม่มีจัญไร ๙.มหาชนยำเกรงทุกเมื่อ ๑๐.ไม่พลัดพรากจากของรัก
การถวายรองเท้าย่อมมีอานิสงส์ ๓ ประการคือ ๑.ยานช้าง ยานม้า วอ ย่อมบังเกิดแก่เขา ๒.เมื่อเที่ยวไปในภพ รองเท้าแก้วมณี รองเท้าเงิน รองเท้าทองคำย่อมเกิดขึ้นในขณะยกเท้าขึ้น ๓.รถหกหมื่นคันย่อมแวดล้อม
การถวายผ้าเช็ดหน้าย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.มีผิวพรรณดุจทองคำปราศจากธุลี ๒.มีรัศมีผ่องใส ๓.มีเดช ๔.เนื้อตัวผิวพรรณละเอียดอ่อน ๕.ฝุ่นละอองไม่ติดตัว
การถวายไม้เท้าคนแก่ย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.มีบุตรมาก ๒.ไม่มีความสะดุ้งกลัว ๓.ได้รับการอารักขา ๔.ไม่พลั้งพลาด ๕. จิตใจไม่มีความขลาดกลัว
การถวายยาหยอดตาย่อมมีอานิสงส์ ๘ ประการคือ ๑.ตากลมกว้างใหญ่ ๒.เห็นสีเหลืองสีขาวอย่างชัดเจน ๓.เห็นสีแดงอย่างชัดเจน ๔.ตาไม่มัว ๕.ตาแจ่มใส ๖.ไม่เป็นโรคตาทั้งปวง ๗.ได้ตาทิพย์ ๘.ได้ดวงตาเห็นธรรม
การถวายลูกกุญแจ ย่อมมีอานิสงส์คือ ย่อมได้ลูกกุญแจคือญาณเป็นเครื่องเปิดประตูธรรมคือความรู้แจ้ง
การถวายแม่กุญแจ ย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.มีสมาธิที่ไม่หวั่นไหว ๒.ชำนาญในสมาธิ ๓.มีพวกพ้องไม่แตกกัน ๔.มีถ้อยคำอันมหาชนเชื่อถือ ๕.ได้โภคสมบัติ
การถวายกล้องเป่าควันย่อมมีอานิสงส์ ๓ ประการคือ ๑.มีสติตั้งตรงคงที่ ๒.เส้นเอ็นต่อเนื่องกันดี ๓.ย่อมได้ตาทิพย์
การถวายตะเกียงตั้งย่อมมีอานิสงส์ ๓ ประการคือ ๑.เป็นผู้มีสกุล ๒.มีอวัยวะสมบูรณ์ ๓.มีปัญญาอันพระพุทธเจ้าสรรเสริญ
การถวายคนโทน้ำ และผอบ ย่อมมีอานิสงส์ ๑๐ ประการคือ ๑.ได้รับการคุ้มครอง ๒.พร้อมพรั่งด้วยสุข ๓.มียศมาก ๔.มีคติ ๕.ไม่มีความวิบัติ ๖.เป็นผู้ละเอียดอ่อน ๗.เว้นจากความจัญไรทั้งปวง ๘.เป็นผู้ได้คุณอันไพบูลย์ ๙.ได้ความนับถือ ๑๐.พ้นจากความหวาดเสียว
การถวายผ้าเช็ดสิ่งสกปรกย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.ถึงพร้อมด้วยลักษณะ ๒.มีอายุยืน ๓.มีปัญญา ๔.มีจิตมั่นคง ๕.กายพ้นจากความยากลำบากทุกอย่างในกาลทั้งปวง
การถวายมีดและกรรไกรย่อมมีอานิสงส์คือ ได้ญาณเป็นเครื่องตัดกิเลสอันคมกล้า
การถวายคีมย่อมมีอานิสงส์คือ ได้ญาณเป็นเครื่องถอดถอนกิเลสอันหนักหน่วง
การถวายยานัตถุ์ย่อมมีอานิสงส์ ๘ ประการคือ ๑.มีศรัทธา ๒.มีศีล ๓.มีหิริ ๔.มีโอตตัปปะ ๕.มีสุตะ ๖.มีจาคะ ๗.มีขันติ ๘.มีปัญญา
การถวายตั่งย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.เกิดในตระกูลสูงมีโภคสมบัติมาก ๒.ชนทั้งปวงย่อมยำเกรง ๓.ชื่อเสียงฟุ้งไป ๔.บัลลังก์ย่อมเกิดขึ้น ๕.ยินดีในการจำแนกทาน
การถวายที่นอนย่อมมีอานิสงส์ ๖ ประการคือ ๑.มีร่างกายสมส่วน ๒.เป็นผู้อ่อนโยนมีรูปงามน่าดู ๓.ย่อมได้ญาณอันประเสริฐ ๔.ย่อมได้เครื่องนอนเครื่องลาดอันวิจิตร ๕.ย่อมได้ที่นอนขนสัตว์อันอ่อนนุ่ม ๖.ย่อมได้บรรลุฌาน
การถวายหมอนย่อมมีอานิสงส์ ๖ ประการคือ ๑.ย่อมได้หมอนอันวิจิตร ๒.ย่อมได้ญาณในมรรคผล ๓.ย่อมได้ญาณในทาน สัญญมะ อัปปมัญญา และรูปฌาณ ๔.ย่อมได้ญาณในศีลและวัตร ๕.ย่อมได้ญาณในการจงกรมและการทำความเพียร ๖.ย่อมได้ญาณในศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และในวิมุตติญาณทัสสนะ
การถวายตั่งแผ่นกระดานย่อมได้อานิสงส์คือ ย่อมได้บัลลังก์อันประเสริฐอันทำด้วยทองคำ แก้วมณีและงาช้าง
การถวายตั่งรองเท้า ย่อมได้อานิสงส์ ๒ ประการคือ ๑.ย่อมได้ยวดยานเป็นอันมาก ๒.บริวารย่อมปรนนิบัติโดยชอบ
การถวายน้ำมันสำหรับทาเท้าย่อมได้อานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.ไม่ป่วยไข้ ๒.มีรูปงาม ๓.เส้นเอ็นเส้นประสาทรับสัมผัสเร็ว ๔.ได้ข้าวและน้ำ ๕.มีอายุยืน
การถวายเนยใสและน้ำมันย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.เป็นผู้มีกำลัง ๒.มีรูปสมบูรณ์ ๓.เป็นผู้ร่าเริงทุกเมื่อ ๔.มีบุตรตามต้องการ ๕.ไม่ป่วยไข้
การถวายน้ำบ้วนปาก ย่อมมีอานิสงส์ ๕ ประการคือ ๑.มีลำคอบริสุทธิ์ ๒.มีเสียงไพเราะ ๓.ไม่เป็นโรคไอ ๔.ไม่เป็นโรคหอบหืด ๕.กลิ่นปากหอม
การถวายนมส้มอย่างดีย่อมและย่อมบรรลุกายคตาสติกรรมฐาน
การถวายน้ำผึ้งย่อมได้บรรลุวิมุตติธรรม
การถวายข้าวและน้ำย่อมมีอานิสงส์ ๑๐ ประการคือ ๑.มีอายุยืน ๒.มีกำลัง ๓.เป็นนักปราชญ์ ๔.มีวรรณะ ๕.มียศ ๖.มีสุข ๗.เป็นผู้ได้ข้าว ๘.เป็นผู้ได้น้ำ ๙.เป็นคนกล้า ๑๐.มีญาณรู้ทั่ว
การถวายธูปย่อมมีอานิสงส์ ๑๐ ประการคือ ๑.มีกลิ่นตัวหอมฟุ้ง ๒.มียศ ๓.มีปัญญาเร็ว ๔.มีชื่อเสียง ๕.มีปัญญาคมกล้า ๖.มีปัญญากว้างขวาง ๗.มีปัญญาร่าเริง ๘.มีปัญญาลึกซึ้ง ๙.มีปัญญาแล่นไป ๑๐.ได้บรรลุนิพพาน
เมื่อท่านพระปิลินทวัจฉะได้กล่าวแสดงอานิสงส์แห่งการถวายทานในอดีตชาติที่ท่านเคยได้รับผลอันประเสริฐมาอย่างมากมาย ซึ่งท่านรู้แจ้งด้วยญาณอันประเสริฐของความเป็นพระอรหันต์ของท่าน แล้วท่านพระปิลินทวัจฉะได้อุทานธรรมด้วยโสมนัสของท่านต่ออีกว่า
การที่เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ เป็นการมาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ ประการเราบรรลุแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพชาติขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว ตัดกิเลสเครื่องผูกดุจช้างตัดเชือกแล้ว เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่
คุณวิเศษเหล่านี้คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และอภิญญา ๖ เราได้ทำให้แจ้งแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้วดังนี้
ทราบว่าท่านพระปิลินทวัจฉเถระได้กล่าวคาถาอันไพเราะเหล่านี้ไว้ด้วยประการฉะนี้แล
....
:พระครูสังฆรักษ์ปรีดา ธีรกุโล(จันทร์ธีระกุล)